เวอร์ชั่น Youtube HD
Fibonacci Sequence
Fibonacci sequence สร้างโดย เลโอนาร์โด ฟีโบนัชชี ในคริสตศตวรรษที่ 13 โดย ลำดับฟีโบนักซี คือ 1 1 2 3 5 8 13 21 โดยที่เลขสองตัวข้างหน้าบวกกันกลายมาเป็นผลลัพธ์ ของอีกตัวหนึ่งทางด้านขวา เช่น 2+3 =5 ไปเรื่อยๆ ลำดับเลขนี้ก็ยังได้ปรากฏในหนังสือ รหัสลับดาวินซีจากอนุกรมดังกล่าว มีการนำไปเปรียบเทียบกับอัตราส่วนในธรรมชาติหลากหลายชนิดก็พบว่ามีความสัมพันธ์กับอนุกรมดังกล่าว โดยเฉพาะอัตราส่วนที่เป็นส่วนโค้งต่างๆ เช่น
เส้นโค้งก้นหอย ซึ่งมีคุณสมบัติว่า ถ้าลากเส้นตรงจากจุดหลายของเกลียวข้างในสุดไปตัดกับเส้นโค้งแล้ว มุมที่เกิดจากเส้นตรงนั้นกับเส้นสัมผัสกับเส้นโค้ง ณ จุดตัดจะเท่ากันเสมอ มุม A = มุม B = มุม C เส้นโคังที่มีลักษณะเป็นก้นหอยจะพบได้ในหอยบางชนิด เช่น หอยทาก
ความโค้งของงาช้าง ความโค้งของเกสรดอกทานตะวัน ตาสับปะรดและตาลูกสน ก็มีลักษณะคล้ายส่วนของเส้นโค้งก้นหอยด้วย
สำหรับตาสับปะรด เส้นโค้งตามเข็มนาฬิกาและทวนเข็มนาฬิกา มีอัตราส่วนเป็น 8 ต่อ 13 เส้นโค้งที่เกิดจากเกสรดอกทานตะวันตามเข็มนาฬิกา และทวนเข็มนาฬิกามีอัตราส่วนเป็น 21 ต่อ 34 ปรากฏการณ์นี้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ของเลขฟีโบนัชชี [อ้างอิงมาจาก wiki]
Golden Ratio
อัตราส่วนที่น่าสนใจใน Fibonacci ถ้านำเลขที่มากมาหารด้วยเลขน้อยที่อยู่ติดกันจะได้อัตราส่วนที่ใกล้เคียงกันเช่น 8/5=1.6,13/8=1.625,144/89=1.6179 ยิ่งเลขที่มากขึ้นอัตราส่วนที่หารได้จะยิ่งเข้าใกล้อัตราส่วนนึงขึ้นเรื่อยๆ อัตราส่วนดังกล่าวจะเรียกว่า Golden Ratio 1.618 และก็จะมี reverse Golden Ratio=1/1.618=0.618นอกจากจะมี อัตราส่วน 1.618,0.618 ถ้านำเลขที่ห่างกัน 2 ช่วงมาหารกัน 5/13=0.384, 55/144=0.3819 อัตราส่วนอีกอย่างที่น่าสนใจคือ 0.382
1.618,0.618,0.382 เป็นอัตราส่วนที่เกิดจาก Fibonacci Sequence นั่นเอง
Fibonacci Ratio & Level
Fibonacci ratio เหล่านี้มักจะถูกนำมากล่าวอ้างใช้ในการวัดสัดส่วนราคาหุ้น(อาจคิดว่าเป็นสัดส่วนในธรรมชาติแบบนึง)เมื่อเกิดการย่อตัวหลังจากพุ่งขึ้นหรือลง โดยมี Fibonacci level ที่มาจาก Fibonacci Ratio และจากตัวเลขที่เกี่ยวข้อง เช่น 0%, 23.6%, 38.2%, 50%,61.8%,78.6%, และ 100% (คิดเป็น% โดยนำ ratio มาคูณ 100) โดยที่มาสามารถดูได้จาก wikiFibonacci Retracetment
การใช้ Fibonacci level ที่สร้างมาจาก ratio จะใช้ร่วมกัน Elliott wave ที่มีทฤษฎีการนับ wave ที่เมื่อมี wave ที่ไปในทิศนึง wave a จะตามมาด้วย wave ที่สวนทิศ wave b โดย wave ที่เกิดขึ้นภายหลังควรมีความยาวเป็นสัดส่วนกับ wave แรก โดยสัดส่วนนั้นจะใช้ ratio เป็นตำแหน่งราคาเป้าหมาย wave b จะเป็นสัดส่วนกับ wave aการทำเช่นนี้จะเรียกว่า Fibonacci Retracement
เครื่องมือกราฟทางเทคนิคจำนวนมากจะมีเครื่องมือวัดดังกล่าว โดยผู้ใช้จะวัด จุดสูงสุด จุดต่ำสุด แล้วเครื่องมือก็จะวาดระดับ Fibonacci level ให้เพื่อให้นักลงทุนใช้งาน ราคาเหล่านั้นเป็นแนวรับที่ต้องเสี่ยงซื้อเข้าไป ที่ใช้คำว่าเสี่ยงซื้อเนื่องจาก Fibonacci level มีหลายระดับ 23.6, 38.2, 50, 61.8 ,78.6, 100 มีถึง 6 ระดับที่เป็นไปได้ในการวัด 1 ครั้ง ไม่มีทางใดที่จะรู้แน่นอนอย่างมั่นใจว่า ราคาจะมาหยุดที่ระดับใดกันแน่ ไม่ว่าจะหาวิธีการวัดแบบอื่นเทียบจาก wave อืนหรือเปลี่ยน timeframe ก็ไม่ได้เพิ่มความแน่นอน แม่นยำให้เพิ่มขึ้น
อาจแก้ปัญหาที่มีระดับจำนวนมากคือแบ่งการซื้อออก เป็น 6 ระดับ ก็จะได้ระดับราคาเฉลี่ย
หรือใช้ เทคนิค reverse support level ถ้าราคาลงไปแนว 61.8 แล้วย้อนกลับมาที่ 50 ก็เริ่มซื้อ ถ้าราคาย้อนจาก 50 ไปที่ 38.2 ก็เริ่มซื้อตามอีก เป็นการเฉลี่ยขาขึ้น เพื่อความมั่นใจว่าราคาเริ่มขึ้นไม่เสี่ยง ถัวเฉลี่ยขาลง
คลิ๊กที่ภาพเพื่อดูรายละเอียด
ผลการทดสอบ Fibonacci Retracement กับ SET
เนื่องจากทฤษฎีดังกล่าวที่ระบุว่า ระดับราคาที่ย่อตัวควรลงมาที่ Fibonacci level ระดับใดระดับหนึ่งตามที่ นัก Elliott wave ทั้งหลายเชื่อมั่นในทฤษฎีนี้ และ level ดังกล่าว จึงได้ทดสอบการ Retract การย่อตัวของ wave b เทียบกับ wave a ตามภาพ โดยทดสอบกับ SET พ.ศ. 2531-2556 มีจุดกลับตัวเป็น pattern indicator คือ zigzag 2% , pattern indicator จะวัดการเปลี่ยนแปลงที่เกิน 2% ใช้เป็น signal ไม่ได้แต่ใช้จับ pattern ได้ เพราะสัญญาณ delay มาก
วัดความยาวของ wave b เทียบกับ a หน่วยเป็น % ผลลัพธ์ที่ได้กลับพบว่าตัวเลขสัดส่วนที่ออกมามีความหลากหลาย จึงจัดทำเป็น histogram จัดช่วงห่างละ 10 จาก 10-200 และถ้าเป็น 200-1300 ช่วงนี้ห่าง 100 นับจำนวนสัดส่วนที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเช่น ช่วง 40 คือ สัดส่วนที่นับตั้งแต่ 30-40, สัดส่วน 70 คือ 60-70
ผลการนับพบว่า แต่ละช่วง level จะมีจำนวนในระดับ ไม่ถึง 10% อาจมีช่วง 200-300 ที่ 11% นอกนั้นต่ำกว่า 10% แทบทั้งสิ้นโดยเฉพาะ golden ration 161.8(1.618 คูณ 100) ที่อยู่ในช่วง 160-170 มีแค่ 2% ต่ำมาก
ส่วน Fibonacci level ที่ 38.2,61.8 ที่อยู่ในระดับ 40,70 ก็ไม่ได้มีสาระสำคัญเชิงสถิติคืออยู่ที่ 8%,6% การ retrace ไม่ได้มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญกับ Fibonacci level ดังที่กล่าวอ้างกัน
ถ้านับรวมช่วง 40-90 จะพบว่ามีจำนวนมากถึง 43% เป็นจำนวนที่มากเกือบครึ่ง ก็เป็นลักษณะธรรมชาติที่ wave b จะ retrace wave a ได้ในช่วงนี้ ช่วง 40-90 จะเป็นช่วงที่น่าสนใจ แต่ไม่ได้มี level ใดที่เป็นระดับที่โดดเด่นขึ้นมา โอกาสที่เกิดขึ้นในแต่ละ level จะมีความน่าเป็นที่ใกล้เคียงกัน
การใช้ Fibonacci level เป็นเป้าหมายราคา ไม่ได้ดีกว่าการเดาธรรมดาเดาตัวเลขใดๆก็ได้ เพราะแต่ละ level ก็มีโอกาสถูกที่ใกล้เคียงกัน
การใช้ Fibonacci level เป็นเป้าหมายราคา ไม่ได้ดีกว่าการเดาธรรมดาเดาตัวเลขใดๆก็ได้ เพราะแต่ละ level ก็มีโอกาสถูกที่ใกล้เคียงกัน
ถ้าให้เดาว่าราคาจะหยุดที่ level ใด จากภาพ ช่วง 40, 80 จะมีโอกาสสูงกว่าระดับอื่น แต่ก็ไม่ได้เปรียบมากนักเพราะเป็น แค่ระดับละ 8% ทาย 10 หน ถูก 1 หน โอกาสมีน้อยมากที่จะใช้งานได้จริง ถ้าแม่นยำแค่ 10% อีก 90% คือการเดาผิด คงไม่มีนักลงทุนใด ยอมรับความแม่นยำแบบนี้
ถ้าทายสองระดับ ความแม่นยำก็ไม่ได้เพิ่มขึ้น เป็นแต่แบ่ง port ออกไปความแม่นยำก็ยังจะใกล้เคียง 10% เพราะความแม่นยำ (ระดับที่ทายผิด + ระดับที่ทายถูก)/2 อัตราความแม่นไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก
สรุป
ข้อน่าสังเกต พบว่าถ้าแบ่งครึ่งจาก 0-100 และ เกิน 100 retracement , 0-100 คือช่วงที่ตลาดเป็น sideway wave b ไม่ได้ new high , new low แต่ถ้าเกิน 100 ตลาดเป็น trend
SET จะมีสภาพเป็น trend และ sideway
ในมุมมองของราคาที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งถือว่าสูงมาก ที่จะมีสภาพเป็น trend ครึ่งนึงของ wave หรือการเคลื่อนไหว ทั้งหมด
ในมุมมองของราคาที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งถือว่าสูงมาก ที่จะมีสภาพเป็น trend ครึ่งนึงของ wave หรือการเคลื่อนไหว ทั้งหมด
ถ้าใช้กลยุทธที่เป็น sideway ก็จะมีโอกาสถูกครึ่งนึง พอๆกับ trend following แต่ trend following มีโอกาสได้กำไรมากถึง 3 เท่า(11% เป็นตัวแทนโอกาสที่จะได้) หรืออย่างน้อยก็กำไรไม่ว่าจะกี่เท่าก็ตาม
ถ้ารู้ว่าตลาดมีสภาพเป็น trend และกำไรมีขนาดใหญ่ แม้ความแม่นยำจะแค่ 50% เหมือนโยนเหรียญ แต่ก็คุ้มค่าที่จะใช้ trend following
การใช้งานแนวรับด้วย Fibonacci Retracement จะมีข้อเสียเปรียบการใช้ indicator ที่ retracement ต้องทายระดับที่แน่นอนจาก ratio แต่ถ้าใช้ indicator เมื่อราคาเลี้ยวกลับที่แนวใดก็ตาม indicator ก็จะเลี้ยวแม้จะตามหลังบ้างแต่ก็จะเป็นการเตือนจากราคาจริง ไม่ใช่การกะประมาณ การซื้อเมื่อ indicator บอกให้ซื้อแม้จะ delay ไปบ้าง ไม่ได้ของถูก แต่เป็นการซื้อตามทิศที่เปลี่ยนแปลงไปแล้วต้นทุนที่สูงจะชดเชยด้วยความแม่นยำที่สูงขึ้นมาก
นอกจากนั้นการใช้แนวรับ แนวต้านด้วยวิธีที่เลือกราคาที่เป็นจุด peak ของรอบ ซึ่งก็จะเป็นวิธีที่นักวิเคราะห์ทางโทรทัศน์นิยมใช้อย่างมาก เปิดสายให้นักลงทุนทางบ้านโทรเข้ามาสอบถาม แล้วนักวิเคราะห์เปิดกราฟใช้เวลาประมาณ 1-2 วินาทีก็บอกแนวรับแนวต้านได้แล้วโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือใดๆนอกจากกราฟราคาเทคนิค ก็ไม่ได้มีประสิทธิภาพที่น่าพอใจแต่อย่างใด ดังปรากฎในบทความ แนวรับแนวต้าน
นอกจากนั้นการใช้แนวรับ แนวต้านด้วยวิธีที่เลือกราคาที่เป็นจุด peak ของรอบ ซึ่งก็จะเป็นวิธีที่นักวิเคราะห์ทางโทรทัศน์นิยมใช้อย่างมาก เปิดสายให้นักลงทุนทางบ้านโทรเข้ามาสอบถาม แล้วนักวิเคราะห์เปิดกราฟใช้เวลาประมาณ 1-2 วินาทีก็บอกแนวรับแนวต้านได้แล้วโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือใดๆนอกจากกราฟราคาเทคนิค ก็ไม่ได้มีประสิทธิภาพที่น่าพอใจแต่อย่างใด ดังปรากฎในบทความ แนวรับแนวต้าน
การใช้งาน Fibonacci Retracement จากผลการทดสอบไม่พบว่ามีนัยยะสำคัญที่จะใช้เป็นแนวรับได้อย่างดี การใช้กลยุทธ plan B ถ้าเกิดผิดพลาดจะมีความสำคัญในกรณีนี้ที่ความแม่นยำต่ำมาก plan B คือจะทำอย่างไรถ้าสิ่งที่คิดไว้ผิดต้องมีทางออกสำรอง การประยุกต์ใช้ Retracement นี้อาจใช้ตามทฤษฎีของ Elliott wave ในการทำ pattern recognize ว่า wave ดังกล่าวมีสัดส่วนอย่างไร ก็พอจะใช้งานได้ แต่ถ้าใช้เป็นแนวรับจริงจัง เสี่ยงซื้อ คงไม่มีนักลงทุนใดยอมใช้ระบบที่มีความแม่นยำที่ 10% เป็นแน่
The 50-50-90 rule: Anytime you have a 50-50 chance of getting something right, there's a 90% probability you'll get it wrong.
Andy Rooney
The 50-50-90 rule: Anytime you have a 50-50 chance of getting something right, there's a 90% probability you'll get it wrong.
Andy Rooney
คลิ๊กที่ภาพสำหรับรายละเอียด
สอนเล่น TFEX หุ้น ด้วย System Trade Click ที่นี่->Click
ถ้าเทคนิคในการเดาราคาด้วย Fibo ไม่น่าไว้ใจ เปลี่ยนมาใช้ System Trade ที่ไม่ทำนายอะไรเลยก็กำไรดีได้
มาเปลี่ยน Smartphone ราคาแพงของคุณ ให้กลายเป็นกำไรกันเถอะ สมัครเรียนฝาก email ไว้ได้เลย
(เส้นทางนักลงทุน, ลงทุน ทั้งเงินทุนและเวลา, ศึกษาระบบที่เปิดสอน, วินัย ความอึดต่อเนื่อง, มั่งคั่ง)
ไม่แน่ใจสามารถดู รายละเอียดเพิ่มเติม หรือสอบถามโดยตรงในแบบฟอร์มมาได้ ประหยัดเวลา
Lifestyle ผู้ใช้ระบบ ส่วนมาก monitor ระบบผ่าน Smartphone วันละไม่กี่นาที ว่าระบบชี้ทิศทางใด เมื่อเกิด Signal ก็ทำไปตามนั้น บางครั้งต้องใช้ notebook เพื่อข้อมูลที่ลึกขึ้น ข้อมูลที่ Smartphone ให้ไม่เพียงพอแต่นานๆครั้ง ดูหลังเลิกงานได้ไม่ได้เร่งด่วน ระบบไม่ใช่ day trade ไม่ต้องเฝ้าจอ
ระบบดูแลง่าย ผ่าน Smartphone
*ถ้าไม่ได้รับการติดต่อกลับภายใน 24 ชม. อาจใส่ email address มาผิด
ให้ใส่ email ที่ถูกต้องอีกครั้ง หรือติดต่อมาทาง Line ID ก็ได้เช่นกัน
พบว่ามีหลาย email ที่ส่งไปแล้ว server แจ้งว่าไม่มีตัวตน
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น