วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

Good Company&Technic=Techno: บริษัทดี เทคนิคดี กำไรดี

ปัญหาหุ้นดีที่เราซื้อทำไมทำให้ขาดทุน หุ้นนี้มีแต่คนแนะนำว่าดี นักวิเคราะห์ก็เชียร์ มีรายได้จากโครงการพลิกกำไรมโฬารเป็น megatrend  VI เก็บไว้เยอะ แต่พอเราซื้อตามแล้วทำไมราคามีแต่ดิ่งลง ต้องการให้นักวิเคราะห์ที่เชียร์ช่วยตัดสินใจให้ทีว่าจะทำอย่างไรดี กรณีทั่วๆไป ถ้าขาดทุน>-30% คงไม่ง่ายที่จะแก้สถานการณ์เลวร้ายแบบนี้ได้ การคัดเลือกบริษัทดี และมีกลยุทธที่ดีจะช่วยป้องกันปัญหาเหล่านี้ได้
เวอร์ชั่น Youtube HD
บทความเป็นบทความขนาดยาว มุ่งนำเสนอแนวคิดที่อาจตีความหรือเห็นต่างได้ ผู้นำเสนอต้องการแบ่งปันแนวคิดจากประสบการณ์ที่สังเกตและสั่งสมมาเท่านั้น การเห็นต่างหรือข้อโต้แย้งอาจมีได้จากมุมมองและประสบการณ์ที่แตกต่างกัน จะบอกได้ยากว่าแบบไหนถูกหรือผิดชัดเจน อาจขึ้นกันปัจจัยที่ไม่ได้กล่าวถึงในบทความได้ บทความนำเสนอแนวคิดเป็นแค่การแสดงความคิดเห็น การทดสอบทางสถิติจะทำได้ยาก

บริษัทที่ดีจริงๆนอกจากจะมีงบการเงินที่ดีมาได้ต่อเนื่องในอดีต คุณสมบัติที่ดีที่สร้างลักษณะดีเหล่านั้นมักจะเกิดจาก business model ของธุรกิจที่มักจะไม่เปลี่ยน มีแค่การรอคอยให้มี catalyst หรือตัวเร่งรายได้ เร่งรายได้กำไร ของบริษัทที่ให้โตแบบธรรมดาเป็นแบบเติบโตสูง ในช่วงเวลาปกติบริษัทก็ยังเติบโตได้ตามปกติระดับ >10% อยู่แล้ว
การเลือกบริษัทที่ดีเหล่านี้จะมีความได้เปรียบ บริษัท turnaround ที่ย่ำแย่ในอดีตแล้วกลับมี catalyst ใหม่ๆเข้ามา โครงการใหม่ ลูกค้าใหม่ บริษัท turnaround จะดูดีได้แค่ช่วงต้น เมื่อกลับไปสู่สภาพปกติคือย่ำแย่ บริษัทก็จะมีลักษณะย่ำแย่คือ turnaround จากดีกลับไปสู่สภาพเดิม ที่เป็นเช่นนี้ได้เพราะ business model ที่เกี่ยวข้องกับการผลิต การจัดจำหน่าย ราคาต้นทุน ราคาขาย ถ้ามีจุดอ่อนที่ใด จุดอ่อนนั้นมักจะสร้างวิกฤติให้บริษัทได้อย่างน่ากลัวเสมอ การโจมตีอาจเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้
บริษัทที่เป็นวัฏจักรที่เกี่ยวพัวกับ commodity การควบคุมราคาต้นทุน ราคาขาย ไม่ได้ทำมาจากภายในบริษัทที่จะดูแลให้ กำไรขั้นต้นบ.อยู่ในระดับสูง จังหวะของ cycle ราคามักจะทำร้ายกำไรบริษัทได้อย่างสม่ำเสมอ กำไรเคยเพิ่มขึ้นจากจุดใด ก็สามารถลดต่ำกลับลงไปที่จุดเดิมได้ จึงเรียกว่าวัฎจักรเพราะสามารถไปแล้ววนกลับมาที่เดิมได้ ไม่โตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

บริษัทที่ดีในช่วงปกติที่อุตสาหกรรมเติบโตแบบธรรมดา บริษัทก็คงลักษณะที่ดีได้อย่างต่อเนื่อง เมื่ออุตสาหกรรมชะลอตัว บริษัทก็ยังมีลักษณะที่ดีแต่ขนาดดีลดลง แต่ในช่วงเวลาที่ดีมี catalyst จะเติบโตอย่างน่าประทับ กำไรรายได้ดูโตแบบน่าตื่นเต้น ถ้าไปเทียบกับกำไรของบริษัทวัฏจักรแม้อาจดูน้อยกว่า
แต่ถ้าคิดย้อนไปในช่วงชะลอ การขาดทุนในบริษัทวัฏจักรอาจดูเลวร้ายได้มากกว่า
กรณีอุตสาหกรรมตกต่ำ บริษัทแบบไหนก็ไม่ดี บริษัที่ดีส่วนมากจะไม่อยู่ในอุตสาหกรรมขาลง

เมื่อพิจารณาบริษัทดีจากบทความ บริษัทดี อาจพบว่าบริษัทแบบนี้นักวิเคราะห์หรือคนทั่วๆไปจะไม่นิยมเชียร์ ไม่มีข่าวให้ตื่นเต้น ไม่มีข่าวซื้อกิจการ ไม่มีโครงการที่พลิกให้กำไร การฟังเขาเล่าว่า เชื่อตามการวิเคราะห์ส่วนมากจะเจอแต่บริษัทที่ turnaround ที่มีข่าวฉาวสม่ำเสมอ การที่บอกว่าหุ้นนี้ VI เก็บไว้เยอะส่วนมากจะเป็นลักษณะ turnaround เพราะจะมีประเด็นใหม่ๆ เรียกร้องความสนใจ บ.ที่ turnaround สำเร็จอัตราที่ทำได้จะน้อยอย่างน่าตกใจ <10% ของที่ลือๆกัน
บริษัทดีเราจะค้นพบด้วยความพยายามสนใจด้วยตนเอง หมั่นอ่าน คำอธิบายของฝ่ายจัดการ รายงานประจำปี หาลักษณะงบการเงินที่ดี ส่วน catalyst จะเป็นลักษณะรองๆที่ควรค้นหา ซึ่งผิดธรรมชาติของสื่อสารมวลชนที่นำเสนอ catalyst ก่อน

ถ้าเราเลือกบริษัทที่ดีมาซื้อขายหุ้นได้ ปัญหาการติดดอยยากจะเกิดขึ้น บริษัทอาจมีชะลอตัวแต่ในระยะยาวจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเหมือนงบการเงิน ในบทความ บริษัทดี กำไรที่ดีจะทำให้ราคาเพิ่มในทิศทางเดียวกันได้อย่างต่อเนื่อง

ถ้าเกิดกรณีที่บริษัทที่ดีไม่จริง แล้วซื้อหุ้นนั้นมาก่อน แล้วมาวิเคราะห์ที่หลังว่า ราคานี้แพงไปหรือเปล่า ทิศทางบริษัทจะไปทางไหน ถ้าโชคดีจะทำให้ขาดทุนได้ไม่มากเพราะอยู่ในช่วง sideway แต่ถ้า ราคาพุ่งลงเหวเพราะเป็นบริษัที่ดีไม่จริงกำไรมักลดลงแบบไม่เกรงใจผู้ถือหุ้น การไม่มีเทคนิคที่ดีไว้ป้องกันจะสร้างความเจ็บปวดได้อย่างสาหัส ราคาสามารถทำร้ายผู้ถือหุ้นได้ตามชอบใจ จะลงไปตรงไหนก็เจ็บ
ลงน้อยเจ็บน้อย ลงมากเจ็บมาก
ผลของการเลือกบริษัทและเทคนิคจะพิจารณาได้ดังนี้
  1. บริษัทแย่+เทคนิคแย่:จะสร้างความเสียหายได้แบบที่นึกไม่ถึงมาก่อนได้ และถ้ามีนักวิเคราะห์เชียร์หรือสอนให้สบายใจด้วย การกำหนดเป้าหมาย(ที่เปลี่ยนทุกๆเดือน ตามราคาที่ลดลง จะเปลี่ยนบ่อยๆไปทำไม ราคาจริงเขาเปลี่ยนให้ทุกวันอยู่แล้ว) ให้แนวรับ แนะนำให้ถัวเฉลี่ยต้นทุน คือสอนให้ซื้อของถูกที่ราคากำลังดิ่งลง(โอกาสที่เราจะได้ของถูกในตลาดยากพอๆกับการซื้อเลขท้ายสองตัวให้ถูก อย่าได้ไปคาดหวังเรื่องแบบนี้) มีแต่จะสร้างขนาดขาดทุนทั้งขนาดและ % ให้มากขึ้น แม้การถัวเฉลี่ยจะทำให้ต้นทุนถูกลงแต่การเกิดขาลง มีแต่ขาดทุนจะมากหรือน้อยก็ขาดทุนถ้าเติมเงินลงไปในขาลง ก็เหมือนเอาเงินไปเผาทิ้ง
  2. บริษัทแย่+เทคนิคดี: ราคาของบริษัทแย่มักจะเป็นขาลงและ sideway ทรุด ทรงๆแล้วก็ลงต่อ ถ้าใช้เทคนิคที่ดีที่เล่นสั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพดีได้ ลักษณะจะเหมือนเล่นรอบเก็งกำไรระยะสั้นที่ต้องอาศัยจังหวะที่ผิดพลาดน้อย เข้าที่หลังออกก่อนได้ (ไม่มีกรณีเข้าก่อนได้เพราะ volume มักจะเงียบสังเกตได้ยาก) การเล่นสั้นจำเป็นต้องใช้ระบบ ranking และ transaction ที่สมบูรณ์ประกอบกัน ranking มักจะทำมาจากการจับ volume และราคาที่กระชากผิดปกติ ระบบส่วนมากจะทำแบบนี้ได้ แต่การทำ transaction ซื้อขายที่ต่างกันแค่เสี้ยววินาทีก็ได้ผลที่ต่างกัน ระบบจะไม่รับผิดชอบซึ่งเป็นส่วนสำคัญอีกครึ่งนึงของการเล่นสั้นที่การ key transation ด้วยคนไม่มีทางสู้ระบบ robot ที่ key transaction ได้เหมือนการสาด order แบบถี่ยิบต่อเนื่องเมื่อเงือนไขที่กำหนดมาถึง ถ้ายังใช้ระบบที่ ranking ดีแต่ transaction ที่ทำได้ช้า ผลลัพธ์จะได้แค่อารมณ์สนุกสนานแต่ไม่ได้กำไร การเล่นสั้นที่นักลงทุนเข้าใจคือการมองที่ราคา นับช่องทำกำไร หรือใช้ indicator สั้นๆ มักจะให้ผลลัพธ์ที่ส่วนมากจะย่ำแย่หรือเท่าทุน อาจมีกำไรให้เห็นบ้างเพื่อปลอบใจ แต่ลองมองภาพกว้างของ port รวมดูก็จะเข้าใจว่า การทำผิดไม่กี่อย่างสร้างผลลัพธ์ที่ร้ายแรงได้ต่อเนื่อง ลักษณะจะเป็น Dancing with devil ถ้าเราเต้นถูกจังหวะที่ปีศาจเต้น ปิศาจจะให้เงินเรามา สนุกดี แต่ถ้าผิดจังหวะปิศาจจะกินแขน กินขา เราต่อเนื่อง ปิศาจไม่เคยอยากได้แค่เงินเขามีเยอะอยู่แล้ว
  3. บริษัทดี+เทคนิคแย่: บริษัทที่ดีปกติราคาจะเพิ่มขึ้นสม่ำเสมอต่อเนื่อง ทำให้ราคาจะคาดเดาได้ง่าย ราคาในบางช่วงจะมีลักษณะ sideway ราคาอาจมาถึงจุดอิ่มตัว การขึ้นลงอาจมากถ้ามี demand มาก แต่ถ้ามาถึงจุดนึง demand หยุดลง กลุ่มเล่นสั้นอาจทำการขายพร้อมๆกัน ราคาก็ปรับลงแต่ก็ไม่มาก เพราะกำไรหรือพื้นฐานยังมีทิศทางดี การใช้เทคนิคเล่นรอบที่นักวิเคราะห์แนะนำจะมีลักษณะที่ลงมาให้ซื้อ ขึ้นไปให้ขาย ราคาอาจจะมีลักษณะแบบนั้นในช่วง sideway ได้แต่เมื่อเกิด catalyst ที่ชัดเจน การขึ้นให้ขายก็คือการขายหมูแล้วตกรถทันที การทะยานขึ้นของราคามักจะมีระยะทางราคา ระยะเวลาที่ยาวนาน บางบริษัทขึ้นต่อเนื่องเป็นปีๆ การรอให้ราคาย่อตัวมาแล้วซื้อของถูกจะทำได้แค่รอ จะไม่เคยได้ของ หรือถ้าซื้อได้แต่ขึ้นไปแค่ 2-5% ก็ดีใจขายทิ้งตัวดีไป ก่อนที่ราคาจะพุ่งทะยาน 30% การขายหุ้นที่ดีถือเป็นความผิดร้ายแรงแบบนึงซึ่งมาสาเหตุความเชื่อที่ว่า ต้องซื้อให้ถูก แล้วขายให้แพง(2ช่อง) ที่ต่างจาก ซื้อราคาเหมาะสม อยู่ไปจนได้รับชัยชนะที่ยิ่งใหญ่
  4. บริษัทดี+เทคนิคเยี่ยม:ธรรมชาติของราคาจะไปทิศทางเดียวกับกำไรที่เพิ่มต่อเนื่อง ถ้ามีเทคนิคที่ทำให้เราถือครองบริษัทดีนี้ไปได้ยาวนาน กำไรที่ดีจะสร้างได้อย่างงดงามและง่ายดาย บริษัทดีและเทคนิคดีจะเป็นการเสริมแรงบวกได้ดี
ข้อน่าสังเกตจากในรูปจะพบว่า บริษัทดีจะให้กำไรมากถึง 1 เท่าหรือ 100% ถ้าถือเฉยๆโดยไม่ใช้เทคนิคเข้าช่วยที่ให้กำไรประมาณ 60% การถือเฉยๆน่าจะเป็นวิธีที่ดีกว่า ถ้ามองในมุมที่ปลอดภัยแบบไม่ประมาท ถ้าบริษัทที่เราคิดว่าดี แล้วไม่ดีจริง ราคาที่ซื้อย้อนกลับลงเลยจุดต้นทุน และกลับลดลงต่อเนื่องมีแต่เทคนิคที่ดีที่จะพาเราออกจากสถานการณ์เลยร้ายก่อนที่จะแก้ไขได้ไม่ทัน เป็นการไม่ดีแน่ถ้าขาดทุนถึง -50% แล้วอ้อนวอนขอร้องให้นักวิเคราะห์ช่วยวิเคราะห์ว่าจะทำอย่างไรดี จะมีกลยุทธแบบใดที่แก้ปัญหาที่หนักหนาแบบนั้นได้ นอกจากการทำใจยอมรับแบบแก้ปัญหาจริงๆไม่ได้
ในรูปกลางบริเวณสัญญาณขายครั้งแรกของบริษัทดีถ้าราคาย้อนกลับลงไปเลยแล้วเกิดกรณีบริษัทแย่รูปซ้ายถ้าไม่ขายตามสัญญาณแล้วเกิดกรณีเลวร้ายราคาลดลงครึ่งนึง ซึ่งจะเกิดได้เมื่อบริษัทมีเหตุการณ์เหนือความคาดหมายที่เกิดขึ้นบ่อยๆ การมีเทคนิคดีไว้ป้องกันเป็นเรื่องที่ควรทำอย่างยิ่ง

สัญญาณซื้อขายในรูปเป็นลักษณะ trend following คือให้ราคาเปลี่ยนทิศไปด้วย ระยะทาง ระยะเวลานึงก่อนเกิด signal ซึ่งผลลัพธ์จะทำให้ซื้อของแพง ขายถูก ในความรู้สึกทั่วๆไปวิธีแบบนี้จะขัดความรู้สึกมาก ของถูกๆไม่ซื้อ ชอบเข้าช้า แต่ขนาดกำไรที่มากเมื่อเทียบกับขนาดขาดทุนจะชดเชยจุดอ่อนนี้ได้ซึ่งเห็นได้จากบทความ boilinger band เล่นสั้นดีหรือไม่ ที่เป็นการเปรียบเทียบธรรมชาติการเล่นสั้นกับ trend following ได้ดี และยังมีบทความ สัญญาณซื้อขายที่ดี ที่ยังยืนยันเรื่องขนาดกำไรที่มีผลต่อผลตอบแทนรวม

กำไรที่หายไป จาก 100% เหลือ 60% ในกรณีใช้สัญญาณซื้อขายจะเป็นเหมือนการจ้างที่ปรึกษาส่วนตัวคือ ในกำไร 100% เราจ่ายให้ที่ปรึกษา 40% เราเก็บไว้ 60% เพื่อประกันว่ากำไรส่วนมากจะตกเป็นของเรา ดีกว่าที่ไม่มีหลักประกันว่าจะได้กำไรซึ่งจะพลิกกลับเป็นขาดทุนได้

การเลือกบริษัทที่ดีจริงๆเป็น key หลักที่จะทำให้ผลตอบแทนที่ดี แต่เพราะความไม่แม่นยำของระบบใดๆที่ทำซ้ำๆจะไม่แม่นยำ 100% อาจแม่นยำแค่ครึ่งนึงเหมือน indicator ในรูปบริษัททั้งสองก่อนที่จะขึ้นมามีงบการเงินที่เพิ่มต่อเนื่องและมีทิศอุตสาหกรรมที่ดีมาก่อน เพียงแต่บ.นึงมี DCA อีกบ.ไม่มี ที่จะตัดสินได้ยากสำหรับนักลงทุนมือใหม่ เพราะไม่มีป้ายบอกว่าบ.ไหนมี DCA แต่จะแยกแยะได้ถ้ามีประสบการณ์เพียงพอ ดูหลายๆบริษัทเปรียบเทียบและติดตามต่อเนื่อง จะเป็นอย่างไรถ้าเรามีทั้งสองบ.ใน port

แม้เราจะคิดเอาเองว่า ทุกบ.ที่เราเลือกดีหมด งบดี ตัวเลขต่างๆก็ดี แต่ในความเป็นจริง เรารู้จริงๆหรือไม่ว่าบ.นั้นดีจริงๆ ถ้าเพียงแค่อ่านเอกสาร ดูข่าว ฟังสัมภาษณ์ที่ข้อมูลถูกตัดทอนเพื่อสะดวกต่อการสื่อสาร การจะรู้ว่าบริษัทนั้นดีจริงผู้บริหารระดับกลยุทธที่ทำงานใกล้ชิดทุกขั้นตอนที่สำคัญ การผลิต การจัดจำหน่าย ยอดขายต่อสาขาเท่านั้นที่จะรู้ ถ้าเรามีโอกาสได้คุยกับผู้บริหารระดับรองๆลงมาจะพบว่าเขาไม่ได้พูดเรื่องเดียวกับผู้บริหารระดับสูงพูด และอาจตรงกันข้ามกันกับนักวิเคราะห์เล่าให้ฟังอย่างสุดขั้วได้ ผู้บริหารระดับสูงเองอาจฟังบทสรุปที่เป็น executive summary แล้วมาบอกต่อซึ่งอาจตัดทอนสถานการณ์จริงของบ.ได้ ซึ่งจะส่งผลต่อการคัดเลือกบ.จากมุมมองของคนภายนอกได้ ถ้าลองคิดเรื่องนี้ดู เราจะไม่แปลกใจเลยที่นักวิเคราะห์เปลี่ยนราคาเป้าหมายได้ทุกเดือนๆ ทั้งๆที่เขาเป็นนักวิเคราะห์ชื่อดังมีเครื่องมือข่าวสาร เข้าสัมภาษณ์บ.ได้ง่าย เพียบพร้อมด้วยข้อมูล จะเปลี่ยนราคาเป้าหมายทำไมทุกๆเดือน ในขณะที่ธุรกิจไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย อะไรไปดลใจให้ทำแบบนั้นได้เพราะรู้อะไรดีๆหรือเขาไม่รู้อะไรเลยจึงต้องเปลี่ยนใจบ่อยๆ

เทคนิคที่ดีจะช่วยการซื้อบริษัทที่ดีให้ได้กำไรที่ดีเหมาะสม ป้องกันสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดก่อนเกิดปัญหาร้ายแรงที่ยากจะแก้ไขได้ ลักษณะจะเป็นการผสมผสานการคัดเลือกหุ้นดีแบบ VI กับ Technic ที่มีจังหวะซื้อขายที่เหมาะสมดังที่ปรากฏในบทความ หัวข้อเรียนรู้การลงทุน ที่ใช้ทุกๆหัวข้อในบทความมาผสมผสานกัน เรียกชื่อเล่นวิธีแบบนี้ว่า Techno = VI+Technic เป็นการทำงานต่อเนื่องกันไม่ได้เน้นลักษณะใดๆมากเกินไปที่อาจขัดแย้งกับอีกวิธีนึงได้ เน้นการใช้จุดแข็งส่งเสริมซึ่งกันและกัน

Do you think you can predict market timing accurately? I predict that you will be wrong 50% of the time – bet big on the winning times and lose small on the other half.
Philip Fisher


ติวเตอร์หุ้นมีผลิตภัณฑ์ทางการศึกษาการลงทุนที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายตามความสามารถในการรับความเสี่ยงของผู้ลงทุน ดูรายละเอียดได้ใน
ผลิตภัณฑ์ทางการศึกษา

คลิ๊กที่ภาพเพื่อดูรายละเอียด

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น