วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

Magic Formula: PE ต่ำ ROE สูง หุ้นถูกแต่ดี

การค้นหาหุ้นที่น่าสนใจไว้ใน list ที่เราตั้งใจจะทำการซื้อขาย เป็นส่วนแรกๆของกระบวนการลงทุนหุ้นที่น่าสนใจนั้น เราอาจยังไม่ซื้อทันที อาจรอจังหวะ ราคาหรือศึกษาด้านปัจจัยพื้นฐานจนพอใจ การทำ list ดังกล่าวเปรียบเสมือนประตูแรกที่นักลงทุนต้องเดินผ่านหลังจากเปิดบัญชีหุ้น, Magic Formula เป็นกลยุทธที่ทำ Ranking หุ้นจาก PE ต่ำ ROE สูง เพื่อสร้าง list หุ้นที่น่าสนใจจากตัวเลขในงบการเงิน มาจากหลักคิด ของถูกแต่ให้ผลตอบแทนสูง บทความจะนำเสนอแนวคิดในลักษณะ case study และวัดผลตอบแทนที่ได้

เวอร์ชั่น Youtube HD
บทความเป็นบทความขนาดยาว, การทดสอบเป็นลักษณะ case study ไม่ได้ทดสอบย้อนไปทั้ง 25 ปีแบบการทดสอบสถิติ จุดประสงค์เพื่อให้เข้าใจได้ด้วยขั้นตอนง่ายๆตรงไปตรงมา ต่างจากการทดสอบ monte carlo ที่สลับซับซ้อนแต่ให้ความน่าเชื่อถือมากกว่า ถ้าจะใช้อ้างอิงโปรดให้คำนึงถึงว่า บทความเป็นการทดสอบแค่ 1 ปีเพียงเท่านั้น
การคำนวณใช้ค่าในงบการเงิน 2552-2556 และมีการคำนวณ YTD จากต้นปี 2555 มาถึง 16 พย. 2556 เจตนาไม่ได้แนะนำหุ้นที่อยู่ใน list เพราะต้องใช้งบการเงินประจำปีที่จะประกาศในเดือน เมย. การจะใช้หุ้นใน list ต้องทำการคำนวณใหม่เมื่อประกาศงบประจำปี อย่าได้นำหุ้นดังกล่าวไปใช้ซื้อขายจริงโดยอ้างอิงจากบทความนี้
การวิเคราะห์หุ้นสามารถแบ่งออกเป็นแบบเทคนิคที่ใช้ คณิตศาสตร์ทั้งในแบบวัดสถานะปัจจุบันของราคา volume และแบบที่ทำนายทิศทางในอนาคต และแบบปัจจัยพื้นฐานที่มีทั้งแบบคณิตศาสตร์เชิงปริมาณและคุณภาพ การจะทำ list หุ้นที่น่าสนใจในเชิงเทคนิคอาจทำได้ด้วยการวัดความแข็งแกร่งของราคา หรือ volume ที่ผิดปกติ ในเชิงปัจจัยพื้นฐานอาจทำได้โดยการวิเคราะห์อุตสาหกรรมว่าอุตสาหกรรมไหนกำลังนิยมหรือวิเคราะห์จากงบการเงินด้วยอัตราส่วนทางการเงิน การวิเคราะห์ทางปัจจัยพื้นฐานหลังจากทำ list หุ้นที่น่าสนใจยังมีกระบวนการเจาะลึกไปในบ.ที่ต้องการลงทุนเพิ่มเติมเพื่อให้รู้ลึกซึ้งถึงจุดอ่อนจุดแข็งของบ.
การวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงิน เป็นเหมือนการมองกระจกหลังเพื่อจะพุ่งไปข้างหน้า เพราะงบการเงินที่นำไปสร้างอัตราส่วนทางการเงิน ไม่ได้บอกสิ่งที่จะเกิดขึ้นจริงๆในอนาคต นักวิเคราะห์มักบอกให้วิเคราะห์หรือมองไปในอนาคตที่หมายถึงผลตอบแทนที่จะได้เกิดขึ้น ในทางปฏิบัติ อนาคตจะเป็นสิ่งที่ไม่มีหลักฐานหรือเลื่อนลอยถ้าไม่มีหลักฐานทางการเงินในอดีตยืนยัน ว่าขีดความสามารถของบ. มีมากเพียงใด
การทำ list หุ้นที่น่าสนใจ ถ้าเราหาประเด็นข่าวที่อาจเกิดขึ้นจริงหรือไม่เกิดก็ได้ มาทำเป็น list คงเป็นวิธีปฏิบัติที่ไม่น่าเชื่อถือพอๆกับข่าวที่ยังไม่เกิดขึ้น จากแนวคิดที่พึ่งอนาคตไม่ได้เต็มที่ สิ่งที่ทำได้ก็คงต้องย้อนกลับมาที่ อัตราส่วนทางการเงิน งบการเงินในอดีต ที่ดูจะจับต้องได้มากที่สุดแม้จะมีข้อเสียที่อนาคตของบ.เหล่านั้นอาจไม่ดีเหมือนในอดีตได้

Magic Formula มีแนวคิดที่ดูที่อัตราส่วนทางการเงินที่ดี PE ต่ำ ROE สูง ของที่ราคาถูกแต่ให้ผลตอบแทนสูง ดูจะเป็นแนวคิดที่น่าจะทำให้เราได้เปรียบอย่างมาก แม้ในปัจจุบันนักลงทุน VI ระดับโลกจะเลิกใช้แนวคิดนี้ไป 30 ปีได้แล้ว หลังจากมีมหาเศรษฐีที่ใช้หลักคิด หุ้นดีแต่ราคาเหมาะสม มาทดแทนและมีหลักฐานประสิทธิภาพจากฐานะของมหาเศรษฐีคนที่ใครๆก็รู้จัก สาเหตุที่ใช้หุ้นดีแทนหุ้นถูกเพราะจะได้ถือหุ้นนั้นต่อเนื่องได้ยาวนานไม่ต้องเปลี่ยนตัวบ่อยๆปล่อยให้กำไรทบต้นได้ต่อเนื่อง ในระยะยาวกำไรแบบทบต้นจะสร้างผลตอบแทนมหาศาลดังที่ปรากฏในบทความ ปันผลดีหรือเติบโตดี
การสร้าง list จาก magic formula จะใช้ 1. ranking system จะนำ PE, ROE มาเรียงลำดับ 2.ให้ rank PE ต่ำในลำดับแรกและให้ rank ROE สูงในระดับแรก 3. นำ rank มารวมกันเป็น sum rank 4. นำ sum rank มาเรียงลำดับน้อยไปมาก
สิ่งที่ได้ PE_ROE จะเป็นหุ้นที่ PE ต่ำ ROE สูงอยู่ในลำดับแรกๆ list ที่ทำได้ จากบทความ PE<10, ROE>20 จะอยู่ในลำดับ 50 แรกของ list 623 หุ้น(ไม่ได้นำหุ้นที่ติด SP ออก นำมารวมเข้าด้วยกัน, รวมหุ้นทั้ง SET+mai)
PE_DIV จะเลือก PE ต่ำ ปันผลสูง จะได้ PE<10, Div>5
ส่วน ROE20 นำแนวคิดที่ว่า หุ้นดี ทิศทางกำไรเพิ่มหนี้สินไม่เยอะ หรือ กำไรเพิ่มติดต่อกัน 3 ปี นับจาก 2552-2555, ROE>20(ดูจาก PE_ROE แล้วพบว่า ROEเยอะจะประมาณค่านี้) , DE<2 มาทำ ranking
นอกจากนั้นได้ทดลองเลือก 21 อันดับจาก PE_ROE ,21PE_ROE ที่อยู่ในลำดับบนมาทดสอบด้วยเพื่อดูผลตอบแทนที่เปลี่ยนไป

ณ วันที่ 15/11 SET ให้ YTD=1% ผลตอบแทนใช้เทคนิค market capital value ที่เพิ่มขึ้น อาจไม่ตรงกับการใช้เทคนิคผลต่างระดับราคา
ผลการทดสอบพบว่า 20PE_ROE ให้ผลตอบแทนจากต้นปี YTD(2/1/56-16/11/56) มากที่สุดรองลงไปคือ PE_ROE , การลดจำนวนหุ้นหรือเลือกกลุ่มที่เป็นกลุ่มนำจริงๆจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า
ROE20, อยู่ในกลุ่มผลตอบแทนที่น้อยกว่า ในกลุ่มเดียวกับ PE_DIV , PE_DIV ให้ผลตอบแทนน้อยที่สุดแต่ถ้ารวม dividend จะให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับ ROE20 แต่อย่าลืมว่า กลุ่ม ROE20 ก็มีปันผลเช่นเดียวกัน ปันผลประมาณ 1-3%, การเลือกหุ้นถูกปันผลดี จะไม่ใช่กลยุทธเลือกหุ้นแรกๆที่นักลงทุนควรค้นหา
ถ้ามองไปที่ความแม่นยำของระบบ ทุกระบบจะให้ความแม่นยำที่ใกล้เคียงกันประมาณ 2/3 หรือ 60% แต่มีจำนวนหุ้นที่กำไรเทียบกับจำนวนหุ้นที่ขาดทุน ที่แตกต่างกัน เป็นเรื่องที่น่าสังเกตที่ความแม่นยำไม่ได้เป็นตัวกำหนดกำไร แต่เป็นขนาดกำไรเทียบกับขนาดขาดทุนที่จะสัมพันธ์กับผลตอบแทนรวม ลักษณะนี้เป็นลักษณะร่วมที่เหมือนกับระบบทางเทคนิคอย่างน่าประหลาด อาจบอกแบบรวมๆ(เทคนิคพิสูจน์ทางสถิติแต่ magic formulr แค่เป็น case study) ว่า ขนาดกำไรสำคัญกว่าความแม่นยำ อย่าได้ไปค้นหาระบบที่แม่นยำหรือนักวิเคราะห์ที่แม่นยำ ให้ค้นหาขนาดกำไรที่ดีแทน

PE ทำงานคู่กับ ROE ทำกำไรที่ดี แต่ PE คู่กับ DIV กลับได้กำไรที่แย่ , ROE20 ที่มี ROE เหมือน PE_ROE ได้ผลตอบแทนดี การใช้ PE เป็นเงื่อนไขคัดเลือกอาจทำให้ผลลัพธ์ไม่ดีดังคาด

คลิ๊กที่ภาพเพื่อดูรายละเอียด


ถ้าดูไปที่รูปสอง จะพบว่า 20PE_ROE มีจำนวนหุ้นที่กำไร 2/3 รายชื่อหุ้นส่วนมากจะเป็นหุ้นที่มีการซื้อขายน้อยต่อวัน ระดับราคาอยู่ในระดับต่ำมาก บางตัว(N-PARK) ราคาอยู่ในระดับสตางค์ ถ้าเอา list นี้ให้นักลงทุนเพื่อไปอ่านเรื่องงบการเงินหรือวิเคราะห์ทางพื้นฐาน จะพบว่าส่วนมากจะไม่มีปัจจัยกระตุ้นจากผลิตภัณฑ์ใหม่ ความนิยมใหม่ๆหรือทิศอุตสาหกรรมที่โดดเด่น แต่มักจะมีข่าวที่อาจสร้างความประหลาดใจได้บ่อยครั้ง
จาก PE_ROE ที่สังเกตว่ามี ROE>20 ถ้านำเอาเรื่อง PE ออกแล้วใส่แทนด้วยกำไรที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และหนี้สินน้อย จะได้ list ROE20 ที่มีหุ้นประมาณ 30 ตัว ถ้ามองไปในรายชื่อหุ้นจะเห็นว่ามีหุ้นจำนวนมากที่แค่เห็นชื่อ คนทั่วไปที่ไม่อ่านงบการเงิน ก็รู้แล้วว่าบ.แบบนี้ดี มั่นคง น่าจูงใจที่นำมาเก็บไว้ใน list มากกว่า list แรก
แล้วถ้ามองรายชื่อหุ้น มีหุ้นที่ market cap ขนาดใหญ่ เป็นบ.ขนาดใหญ่ที่กองทุนมักนิยมซื้อขายกัน list ROE20 ก็มีลักษณะจำนวนหุ้นที่กำไร 2/3 ของทั้งหมดคล้ายคลึงกับ list 21PE_ROE เช่นกัน ผลตอบแทนรวมที่ได้น้อยกว่า อาจมาจากหุ้น market cap ที่เคลื่อนไหวไม่มากเมื่อเทียบกับหุ้นระดับราคาเล็กๆ
แต่คุณภาพจำนวนหุ้นที่กำไรกลับได้ใกล้เคียงกัน ถ้าดูที่ slope กำไรพบว่ามี slope ชันในลักษณะเดียวกัน

ถ้าจะใช้ ROE20 list เป็น list หุ้นทดแทน 20PE_ROE magic formula ก็อาจเป็นเรื่องที่ยอมรับในคุณภาพได้แม้กำไรรวมจะได้น้อยกว่าเพราะซื้อหุ้นที่ระดับราคาสูง(ราคาหลักสิบ ร้อย เทียบกับหลักหน่วยหลักสตางค์) แนวคิดที่จะใช้ ROE20 อาจเป็นการลำเอียงที่ไม่มีหลักฐานยืนยันว่า ROE20 มี identity ที่เหมือน 20PE_ROE เป็นแต่ข้อสังเกตที่มีเหมือนกัน อาจมีบางอย่างที่เป็นปัจจัยอื่นที่คาดไม่ถึงทำให้ต่างกันได้ แต่ถ้ามีหลักฐานในปัจจุบันจากจำนวนหุ้นกำไรและลักษณะ slop ก็อาจเป็นเหตุผลเบื้องต้นที่พอยอมรับได้

การทดสอบเรื่อง MACD เพิ่มเติมใน list ว่าจะช่วยให้กำไรดีขึ้นหรือไม่ ผลการทดสอบออกมาน่าผิดหวัง
MACD ไม่ได้ช่วยให้ผลตอบแทนรวมเปลี่ยนแปลง เป็นการทำงานเพิ่มขึ้นให้ได้ผลตอบแทนเท่าเดิม
ถ้ามาดูในรายละเอียดจะพบว่า หุ้นในกลุ่มที่ขาดทุนหรือขาลงจาก YTD บางตัวพบว่า  MACD ไปขยายขนาดขาดทุนให้มากอย่างน่าตกใจ MACD คงไม่เหมาะกับหุ้นขาลง ถ้าเข้าไปดู trend ของหุ้นเหล่านั้นพบว่า เป็นขาลงที่มี rebound สั้นมากๆ ติดต่อกันหลายๆครั้งส่วนมากจะ sideway อยู่นิ่งซึม  MACD ไม่เหมาะกับหุ้นขาลงที่มีการซื้อขายน้อยซึ่งจะไปเพิ่มขนาดขาดทุน
ในกลุ่มขาดทุนบางตัว MACD เปลี่ยนจากขาดทุนเป็นกำไร ดูในลักษณะ trend จะพบการ rebound ที่ยาวนานเพียงพอให้ MACD สร้างกำไรได้ MACD เหมาะกับขาลงที่ rebound แรง
ถ้าพิจารณากลุ่มกำไรหรือหุ้นขาขึ้น MACD มักจะไปลดกำไรลง อาจมีเพิ่มกำไรในตัวที่ มีลักษณะ sideway แต่มี rebound แรงต่อเนื่องมีลักษณะเป็น trend MACD เหมาะมากกับขาขึ้นที่แกว่งแรงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ในหุ้นขาขึ้นที่ขึ้นต่อเนื่องแม้จะไม่แกว่งแรง MACD ก็ยังเหมาะกับหุ้นขาขึ้นที่ สามารถเกาะ trend หรือกำไรในหุ้นขาขึ้นได้ดี

ถ้าดูผลตอบแทนในกลุ่มที่กำไร MACD จะลดกำไรลงประมาณ -30% ในกลุ่มที่ขาดทุนจะลดขนาดขาดทุน  +65%  ตัวเลขนี้จะเป็นอย่างไรถ้า เราเลือกกลุ่มนำจนจำนวนหุ้นกำไรมีขนาด 3/4 ของ list ทั้งหมด การมุ่งคัดเลือกเพื่อให้อัตราการเลือกหุ้นขาขึ้นเพิ่มมากขึ้นโดยวิธีทางคุณภาพที่ปรากฏใน บทความ บริษัทดี น่าจะเพิ่มจำนวนหุ้นกำไรหรือลดหุ้นที่ไม่น่าสนใจออกไปได้

การเลือกหุ้นดีที่เป็นขาขึ้นเป็นวิธีที่เหมาะสม มากกว่าการใช้ MACD หรือเทคนิคแต่เพียงอย่างเดียว ที่ถ้าเลือกหุ้นขาลงมีแต่จะเจ็บมากหรือเจ็บน้อย หุ้นดีเป็นการเสริมจุดแข็งของหุ้นขาขึ้นที่ MACD สามารถเกาะกำไรได้ยาวนาน และลดจุดด้อยของการเลือกหุ้นผิดตัวของวิธีปัจจัยพื้นฐานด้วยการใช้เทคนิค MACD ลดขนาดขาดทุนให้ลดลง การเชื่อในเทคนิคเพียงอย่างเดียวหรือเชื่อปัจจัยพื้นฐานเพียงอย่างเดียวอาจจะเหมาะสมกับผู้มีประสบการณ์มากที่สามารถแก้ไขจุดอ่อนของวิธีนั้นๆได้ แต่มักจะเป็นเรื่องยากของมือใหม่ที่ ไม่ได้ชำนาญด้านใดด้านหนึงโดยเฉพาะ ถ้าเจอจุดด้อยของทั้งสองวิธีพร้อมๆกัน ศึกสองด้านยากจะเอาชนะ

การเลือกจำนวนหุ้นที่น้อยลงเลือกเฉพาะกลุ่มนำจริงๆก็อาจทำผลตอบแทนให้มากขึ้นได้ จาก 21 PE_ROE ที่เลือกหุ้นที่เป็นกลุ่มนำจาก list เดิม

การเลือกหุ้นจากงบการเงินเชิงปริมาณ อาจไม่เพียงพอที่จะทำให้ผลตอบแทนรวมมีค่าสูงอย่างที่คิดมากนัก จะมีจำนวนหุ้นที่ให้ผลขาดทุนอยู่ใน list เหล่านั้น อย่าได้มองโลกในแง่เดียวจะมีจุดอ่อนในวิธีที่เราเลือกเสมอ
เราอาจเสริมจุดแข็งด้วยการวิเคราะห์ทางคุณภาพเพิ่มเติม แต่ในกรณีที่ไม่ชำนาญในการคัดเลือกหุ้น วิธีเชิงปริมาณก็เป็นวิธีที่สะดวกและให้ผลตอบแทนดีหรืออาจใช้เป็น benchmark เปรียบเทียบผลตอบแทนจากวิธีที่เราทำ list เองได้

Do you think you can predict market timing accurately? I predict that you will be wrong 50% of the time – bet big on the winning times and lose small on the other half.
Philip Fisher

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น