งบการเงินมักจะนำส่งจากบริษัทให้ตลาดหลักทรัพย์ทุกๆสิ้นไตรมาส โดยจะนำส่งในวันที่ เดือนที่ตรงกันทุกปีของแต่ละบริษัท เช่นเคยส่ง 30 ตุลาคม 2555, ปีถัดมาก็จะส่ง 30 ตุลาคม 2556 ถ้าตรงกับวันหยุดก็จะเลื่อนเข้ามา โดยดูได้จากแถบ ข่าว ของหุ้นนั้นๆ งบการเงินจะต้องส่งภายใน 45 วันสำหรับงบไตรมาส 60 วันสำหรับงบปีหลังสิ้นไตรมาส ถ้าบริษัทไหนไม่ส่งจะถูกเตือนถ้าเกินกำหนด หรืองบการเงินไม่เรียบร้อยผู้สอบบัญชีไม่เห็นชอบและเลยกำหนดหุ้นนั้นๆอาจ SP ห้ามการซื้อขายจนกว่าจะแก้ไขส่งให้ถูกต้อง
งบการเงินที่เรียนในมหาวิทยาลัยที่สอนการทำบัญชีใช้เวลาเรียนประมาณ 2 เทอมหรือ 1 ปี ซึ่งเป็นการเรียนสร้าง คำนวณ ตรวจสอบแต่ละ item ให้ถูกต้อง การที่จะเข้าใจได้โดยง่ายเป็นอุปสรรคต่อนักลงทุน
การจะละเลยไม่อ่านงบการเงินซึ่งเปรียบเสมือนสมุดพกที่บอกเกรดของบริษัท เป็นเหมือนการกินยาโดยไม่อ่านฉลากถ้ายาดีก็รอด ยาพิษจะทำให้ถึงตายได้
เราจะดูงบการเงินได้จากที่ไหน , จากแถบ ข่าว ใน set.or.th ของหุ้นนั้นๆ ซึ่งมาในรูปแบบละเอียดในลักษณะ excel และ แถบ ข้อมูลหลักทรัพย์ สรุปข้อสนเทศบริษัทจดทะเบียน ที่มาในลักษณะย่อๆซึ่งดูได้จาก set.or.th หรือจาก app opps day ใน iphone ,ipad นอกจากนั้นงบการเงินยังปรากฏอยู่ในรายงานประจำปี ที่เห็นได้จาก website บริษัทในข้อมูลนักลงทุนหรือ investor relation และรายงานประจำปีที่เป็นรูปเล่ม แจกเมื่อเข้าประชุมสามัญประจำปี
แน่นอนรายงานประจำปีและงบการเงินเป็นข้อมูลแจกฟรี และดีที่สุดในโลกเพราะบอกถึงความเป็นจริง
ความจริงเป็นเครื่องมือที่ดีเสมอ
ในงบการเงินจะมีส่วนสำคัญใหญ่ๆคือ งบดุล, งบกำไรขาดทุน, งบกระแสเงินสด , นอกจากนั้นจะมี งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนผู้ถือหุ้น และอื่นๆ ซึ่งเป็นรายละเอียดปลีกย่อย งบการเงินจะมีส่วนประกอบหลักๆดังนี้
- งบดุล(ปัจจุบันชื่อ งบแสดงฐานะการเงิน) BS, จะประกอบด้วย สินทรัพย์ซึ่งจะนับรวมส่วนที่หมุนเวียนเงินสด สินค้าคงคลัง ไม่หมุนเวียน อาคารอุปกรณ์ หนี้สิน เงินกู้ระยสั้นยาว หนี้การค้า ส่วนผู้ถือหุ้น ส่วนต่างของสินทรัพย์และหนี้สิน ซึ่งประกอบด้วย ทุน กำไรสะสม และส่วนต่างมูลค่าหุ้น
- งบกำไรขาดทุน PL จะมีรายได้ ค่าใช้จ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ดอกเบี้ย และกำไร
- งบกระแสเงินสด cashflow จะมี รายได้ ลงทุน แหล่งเงิน
การวิเคราะห์งบการเงินจะสามารถทำได้สองแบบ คือ ในงบนั้นๆ กับแบบเปรียบเทียบกับงบอื่นๆ ในงบนั้นๆ คือเอาแต่ละ item มาเปรียบเทียบกันซึ่งจะได้ เป็นอัตราส่วน เช่น กำไรขั้นต้น Gross margin= รายได้/ต้นทุนสินค้า ไม่รวมค่าบริหาร ค่าส่งเสริมการขาย, ROE= กำไรสุทธิ/ส่วนผู้ถือหุ้น ถ้าเยอะก็หมายถึงว่าดี เยอะแค่ไหน ต้องใช้ประสบการณ์ บางสัดส่วนก็ต้องน้อยถึงดีเช่น D/E = หนี้สิน / ส่วนผู้ถือหุ้น หนี้น้อยก็จะดี
นอกจากวิเคราะห์ในงบนั้นๆ ยังสามารถเอา งบก่อนหน้านั้นมาเปรียบเทียบ เพิ่มขึ้น ลดลง เช่น ส่วนผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง กำไรเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง D/E เพิ่มเล็กน้อย
เพื่อให้ง่ายและน่าสนใจต่อการจดจำ ขอนำเสนองบการเงินโดยอิงจากธาตุทั้ง 6 ดิน น้ำ ลม ไฟ ไม้ ทองปกติแบบไทยจะมี 4, แบบจีนจะมี 5 เราเลือกแบบผสม แบบจีนไม่มีลม แบบไทยไม่มี ไม้ ทอง
ดินข่มน้ำ น้ำข่มไฟ ไฟข่มทอง ทองข่มไม้ ไม้ข่มดิน
ลองไปนึกดูในภาพว่าจริงหรือไม่ อาจสงสัยเรื่อง ดินข่มน้ำ ซึ่งน่าจะเป็นดินส่งเสริมน้ำแทน น้ำในภาพน่าจะสร้างลม ได้ จุดประสงค์เพื่อให้น่าสนใจและง่ายต่อการจดจำ ในรายละเอียดจำเป็นต้องเจาะลึกเพิ่ม
ทั้งนี้รายละเอียดในงบการเงิน ถ้าจะดีที่สุดต้องอ่านฉบับจริงที่เป็น excel และคำอธิบายของฝ่ายจัดการเพื่อมองให้เห็นภาพกว้างและลึกของสิ่งที่เกิดขึ้น เราไม่ได้อ่านงบการเงินเพื่อหาตัวเลขเด็ด เราอ่านเพื่ออยากรู้ว่าบริษัทอยู่ในสภาพอย่างไร นอกจากราคา งบการเงินเป็นหลักฐานที่ตรงไปตรงมาที่สุดในบรรดาเครื่องมือที่ใช้กับหุ้น การฝึกฝนอ่านสม่ำเสมอหลายๆบริษัท หลายไตรมาสยังมีความจำเป็นเสมอ
การอ่านงบการเงินจะเห็นถึงสถานะปัจจุบันของบริษัท ในบริษัทที่ดียังมีองค์ประกอบอื่นที่อยู่นอกงบการเงินอีก ดูได้จาก บริษัทดี ไม่ดี ดูจากอะไร บริษัทดีจะมีงบการเงินดีเสมอ แต่งบการเงินดีไม่หมายถึงบริษัทดี เพราะอาจดีในช่วงเวลาสั้นๆ แล้วก็กลับไปสู่สภาพปกติได้
Charlie: You were reading the annual report, and you saw opportunity there to invest in a company because you saw potential.
Buffett: I'd been reading IBM's annual report, literally, every year for 50 years.
CBS NEWS/ February 8, 2012
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น