วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556

RSI Divergence:สัญญาณกลับตัวขั้นสูง ที่ให้กำไรแค่ดอกเบี้ยออมทรัพย์

RSI เป็น indicator ที่ใช้ในกราฟเทคนิคที่สามารถให้สัญญาณ Divergence ที่ตามตำราบอกว่าเป็นการเตือนการกลับตัวของราคา จะเป็นอย่างไร ถ้าใช้ RSI Divergence ในการซื้อขาย การทดสอบกับ SET 25 ปี

Divergence คือ pattern ที่ momentum ของราคากับ indicator ขัดแย้งกันเช่น ในขาลง ราคาทำ new low แต่ indicator ไม่ new low กลับยก low สูงขึ้น ลักษณะแบบนี้เรียก Bullish Divergence เป็นการเตือนราคาจะกลับตัวย้อนขึ้นไป, RSI ก็มี pattern แบบนี้ซึ่งจะพบเห็นได้บ่อยในการวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์ทางทีวีหรือวิทยุ มักจะกล่าวให้นักลงทุนระมัดระวังเสมอ ฟังแล้วน่าเชื่อถือมีศัพท์แสง ที่น่าสนใจ
การทดสอบจะทดสอบกับ SET 25 ปี โดยเปลี่ยนสัญญาณเตือนเป็น สัญญาณซื้อขาย bullish divergence จะซื้อ , bearish divergence และเปรียบเทียบกับ MACD,  RSI ปกติ(>30 ซื้อ, <70 ขาย), เพื่อทดสอบประสิทธิภาพว่าสมกับคำล่ำลือหรือไม่

ผลการทดสอบพบว่าน่าผิดหวังกับระบบทำนายเช่นเคย แม้จะมีความแม่นยำในระดับกลางๆ แถว 60% แต่กำไรที่ให้มาน้อยนิดอย่างน่าผิดหวังตลอด 25 ปี ซึ่งไม่สามารถชนะเงินเฟ้อหรือเงินฝากใดๆได้เลย(แม้ตอนนี้ เงินฝากออมทรัพย์ 0.75% ก็ยังมากกว่า RSI Divergence)

ที่เป็นเช่นนี้ ดูจาก จำนวน trade ที่น้อยพอๆกับ RSI แสดงให้เห็นว่านานๆครั้งจะเกิดขึ้น เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ไม่ได้แม่นยำนัก แค่ 60% ถ้าซื้อขายตามไป กำไรที่ได้มาก็เล็กน้อย ไม่คุ้มค่าที่จะติดตาม
=========================================================================
ในบทความส่วนนี้กล่าวถึงลักษณะทั่วๆไปของข้อขัดแย้งระหว่างนักวิเคราะห์ที่ใช้ Divergence กับระบบ
ซึ่งไม่ได้ต้องการชี้เฉพาะเจาะจงบุคคลหนึ่งใดเป็นแต่เพียงกล่าวในลักษณะทั่วๆไป เป็นความเห็นส่วนบุคคล ลักษณะข้อขัดแย้งอาจอ่านแล้วไม่สบายใจ ก็ถือว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นทั่วๆไป ไม่ต้องเก็บไปคิด ความคิดเห็นพิสูจน์ได้ยากเสมอ
ข้อขัดแย้ง คน กับ systematic trading
ข้อโต้แย้ง divergence แบบ programming ที่ใช้ Zigzag(10)(มีใน efinance ต้องลองไปเล่นดู) ซึ่งเป็น indicator ที่จะสร้างทางเดินราคาเมื่อราคาเปลี่ยนแปลง 10% เป็นตัวเทียบกับ RSI โดยเทียบ new low , new high ของ zigzag กับ RSI อาจจะไม่เหมือนกับนักวิเคราะห์ว่าบอกว่าตรงไหนที่เป็น true divergence
โปรแกรมแบบนี้สู้นักวิเคราะห์ที่เป็นคนไม่ได้

นักลงทุนที่เริ่มต้นศึกษาก็มักจะเจอคำถามในทางปฏิบัติเช่นเดียวกันว่า ทำไมก็ Divergence แล้วทำไมไม่เลี้ยวกลับซักที เราทำอะไรผิดไปหรือเปล่า ทำไมนักวิเคราะห์ถึงไม่เลือกจุดนี้ ก็เห็นๆกันอยู่ เขาเหล่านั้นมีสูตรลับอะไรนะ

จิตวิทยา นักวิเคราะห์
คำตอบของความลับจะอยู่ในระบบการคิดของนักวิเคราะห์ ที่สามารถนำปัจจัยที่เหมือนกัน ใช้วิธีแบบเดิมแต่สร้างผลลัพธ์ให้แตกต่างกันได้เสมอ เหมือนบอกว่าเดือนที่แล้ว ราคาเป้าหมายอยู่ 10 บาท แต่พอมาเดือนนี้ราคาเป้า downgrade ลง 8 บาท ทั้งๆที่จริงบริษัทก็ยังทำธุรกิจแบบเดิมๆ ลักษณะแบบนี้จะมีอิทธิพลต่อ การวิเคราะห์ทางเทคนิคเช่นกัน
การที่จะเลือกจุดใดเป็น true divergence นักวิเคราะห์เหมือนจะใช้ตัวเองเป็นศูนย์กลางที่ ให้ผลลัพธ์แตกต่างกัน โดยจะเลือกหรือไม่เลือกจุดต่างๆ ตามเหตุผลของตนเองได้เสมอ ซึ่งจะเพิ่มคุณค่าให้นักวิเคราะห์จากแบบทั่วๆไป เป็นแบบยอดนิยม
ลักษณะแบบนี้เป็นการใช้กราฟเทคนิคแบบศิลปะ คือผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรก็ได้ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นอันตรายต่อการใช้ systematic trading ที่ต้องการผลลัพธ์ซ้ำๆถ้าทุกอย่างคงเดิม

ถ้านักวิเคราะห์ทำอย่างที่ systematic trading ทำ ก็จะพบว่าทุกคนจะทำเหมือนกัน คงไม่มีบริษัทไหนจ้างคนไว้ทำอะไรซ้ำๆเหมือนๆกันแบบนี้ ปลดออกแล้วซื้อระบบมาใช้แทนจะดีกว่า แต่หน้าที่นักวิเคราะห์จริงๆไม่ได้วิเคราะห์ให้แม่นยำ แต่มีหน้าที่หลักที่ต้องปลอบใจเมื่อนักลงทุนทำผิดพลาดเหมือนอาชีพหมอดูที่ความสำเร็จของหมอดูอยู่ที่ ให้ความสบายใจมากกว่าทายแม่น

การ confirm ด้วยสัญญาณอื่น
การใช้อย่างอื่น confirm นอกจากนั้น ยังมีวิธีการรอสัญญาณอื่นช่วย confirm ลองคิดในสถานการณ์ ที่ โยนหัวก้อยปกติ โอกาสที่จะออกหัวมี 50% ขอเรียกว่า ชุด A  ถ้าใช้คนที่สองที่เป็นตัวช่วย confirm โยนหัวก้อยอีกชุดเรียกว่า ชุด B โดยชุด B ถ้าออกหัวจะบอก ว่า A ถูกต้อง
ผลลัพธ์จะได้ว่า โอกาสที่จะออกหัวใน A แล้ว ชุด B จะบอกว่าถูกต้อง(ออกหัวใน B)จะมีโอกาสเท่ากับ 50%*50%=25% ยิ่งหาอะไรมา confirm จะยิ่งแม่นน้อยลง ใช้อย่างเดียวที่แม่นพอเพียงก็พอแล้ว
========================================================================
การใช้กราฟทางเทคนิคเพื่อการทำนาย โดยลักษณะที่มี pattern อื่นๆก็จะให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกัน
คือไม่ได้แม่นยำนัก ซ้ำร้ายยังให้กำไรโดยรวมน้อย ถ้ากำลังใช้กราฟทางเทคนิคเพื่อบอกว่าจะขึ้นลงด้วย Pattern สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม,Candlestick หรือ Elliott wave ขอให้ระมัดระวังและให้นึกถึงบทเรียนนี้ให้ดี
บางคนจะกล่าวทีเล่นทีจริงว่าใช้อารมณ์ความรู้สึก เหตุผลส่วนตัวก็ของให้ดูลักษณะจุดจบใน วัฏจักรการเล่นหุ้นแบบเป็นระบบและตามอารมณ์

นักวิเคราะห์ที่เตือนเราด้วยด้วย สัญญาณกลับตัว RSI Divergence ถ้าเรามีโอกาส Line หรือ sms กลับไปให้บอกว่า
"RSI Divergence แม่นเท่ากับโยนหัวก้อย ให้กำไรเท่ากับดอกออมทรัพย์"
อย่ามาเสียเวลาเตือน เคือง อะไรๆก็ขู่เรา

"Turnarounds" seldom turn.
Buffett (1978)

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น